ในบทความนี้ผมจะขอพูดเรื่องของการคิด ทั้งเรื่องของการตั้งเป้าหมายในชีวิตด้วย ซึ่งหากเราจะมาพูดกันมันอาจจะดูน่าเบื่อกันไปเลย แต่ในชีวิตจริงที่ไม่ใช่ละครนั่นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของการใช้ชีวิตกันเลยก็ว่าได้ เพราะตามหลักของความเป็นจริงแล้วคนเรามักจะคิดก่อนที่จะทำนั่นคือตามนิยามที่ทุกคนเข้าใจกันมาโดยตลอดแต่ก็มีแนวความเป็นจริงกันอยู่บ้าง แต่ในเรื่องจริงนั่นก็ไม่แน่เสมอไปทุกครั้งว่าจะเป็นไปตามที่เราคาดหวังแบบนั่นจริงหรือเปล่า ซึ่งในต่างประเทศเข้าได้คิดจุดเหล่านี้ออกมาเป็นแนวทางแยกออกมาได้ถึง 15 แบบกันเลยก็ว่าได้ ผมเองนั่งหาข้อมูลเรื่องนี้แล้วก็คิดในใจว่าเออ ก็คิดกันไปได้เนอะ มากมายขนาดนั่น
ซึ่งผมเองก็จะขอสรุปแบบย่อ ๆ ให้เห็นภาพแบบชัดเจนมากยิ่งขึ้นเอาแบบที่ผมจะสรุปได้นะครับ ในบทความนี้ก็แล้วกันแบบเข้าใจได้ง่าย ไม่ต้องคิดอะไรเยอะเกินไป จากใจความที่ผมอ่านมาเข้าก็จะบอกว่าเรื่องทุกเรื่องในชีวิตของเราทุกวันนี้มันเริ่มขึ้นจากจุดเล็ก ๆ เพียงจุดเดียวเท่านั่น คือเกิดจากการตั้งสมมุติฐานขึ้นมาว่าอย่างนั่นอย่างนี้ จนกลายมาเป็นเรื่องราวของโจทย์ต่าง ๆ ที่คนเราต้องมานั่งแก้ไขกันในทุกวันนี้นั่นเอง โดยที่แท้จริงแล้วคนเราเองนั่ไม่ได้ชอบเรื่องของการแกไขปัญหาเหล่านั่นเลยแต่อย่างใด แต่คนเรานั่นมักจะชอบอะไรที่คนอื่นแก้ไขแล้วแบบง่าย ๆ แล้วเอามาทำต่อในแนวทางของต้นเองจนเกิดเป็นสิ่งใหม่ บางที่ก็จะกลายมาเป็นปัญหาเรื่องเดิม ๆที่แก้ไขไปแล้วบ้างอะไรบ้างแต่ก็ยังต้องกลับมานั่งคิด นั่งทำต่อแบบไม่มีวันจบสิ้นกันในแต่ละครั้ง จนวัน ๆ นึงผมเองก็เคยคิดเรื่องที่ตัวผมเองเคยเจอในเรื่องนี้ว่าแล้วเราจะนั่งคิดให้มันวนซ้ำ ๆ ทำมั้ยว่ะ นี้คือสิ่งที่คิดอยู่ในใจมาโดยตลอดแต่ในชีวิตจริงเราก็ยังต้องจำเป็นที่จะต้องนั่งแก้ไขมันต่อไปแบบไม่มีวันจบสิ้นสักทีนึง ซึ่งองค์ประกอบของแนวคิดทั้ง 15 วิธีนั่นแท้จริงมันก็สรุปได้ถึงต้นเหตุและจุดเกิดของสาเหตุที่เกิดขึ้นในการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราในแต่ละวันนั่นเอง ผมนะพยายามนั่งอ่านแบบซ้ำ ไปซ้ำมาหลายรอบเพื่อจะขอตีความเรื่องนี้แต่ก็ได้ข้อสรุปแบบท้ายที่สุดก็คือแบบนี้นั่นเองแบบที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ท้ายนี้ผมก็ขอให้ผู้อ่านทุกท่านคอยติดตามเรื่องราวกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้นในบทความต่อ ๆ ไปนะครับ
